onsdag 4. desember 2013

หางานทำ ตอน(1) แม่บ้านโรงแรม

 กว่าจะมีงานทำ ณ ประเทศนอร์เวย์         

สำหรับคนที่เพิ่งได้รับการตอบรับจากงาน ต้องเข้าไปขอ skattekortet บัตรจ่ายภาษี ที่เว็บ
http://www.skatteetaten.no/no/Skjemaer/Skjema-for-a-bestille-skattekort/  กรอกข้อมูล แล้วเค้าจะส่งไปที่ทำงานให้เราเลย 

          แต่ถ้าคุณมีรายได้ 50,000 kroner หรือน้อยกว่านี้ในหนึ่งปี คุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษี แต่คุณต้องมี frikort http://www.skatteetaten.no/no/Person/Skattekort-og-forskuddsskatt/Frikort/Bestill-frikort/
________________

ย้ายมานอร์เวย์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2012 

การสมัครงาน หางาน ที่นอร์เวย์
          กุมภาพันธ์ เริ่มทำงานทำความสะอาดบ้านพี่คนไทยที่รู้จัก  2-3 ครั้งต่อเดือน ดูลูกเค้าเวลาเค้าไม่ว่าง ค่าขนมก็โอเคค่ะ ไม่น่าเกลียด ช่วยสามีแบ่งเบาภาระได้ ถ้ารู้จักใช้เงิน (พยายามรู้จักคนไว้เยอะๆ) แต่ตอนนี้เค้าไม่จ้างเราแล้วล่ะ (เริ่ม มิย.13) เพราะเราไม่ยอมรับกับค่าขนมที่เค้าใช้เราเยอะเกินไป และเราพูดไปตรงๆ เค้าก็เลยไม่พอใจ ไม่เป็นไร หาใหม่ก็ได้งาน

"ภาษาเป็นเรื่องสำคัญของที่นี่ ถ้าไม่ได้ภาษา 
การหางานก็ยากดั่งงมเข็มในมหาสมุทร"
และ
"อย่าลืมพกดวง!!"

     สามารถหางานได้จากเว็บไซค์ http://www.finn.no/ หรือเว็บของนาฟ  http://www.nav.no/Forsiden  หรือส่งอีเมลล์ส่งไปตามบริษัทต่างๆ ก็ได้ค่ะ


          6 มีนาคม 2013  เริ่มปฏิบัติการหางานทำครั้งแรก โดยการทำ CV เล่าประวัติตัวเอง ประสบการณ์บลาๆ เป็นภาษาอังกฤษส่งอีเมลล์ไปตามโรงแรม ร้านอาหาร กว่า 10 แห่ง อีเมลล์โรงแรมและร้านอาหารเซิสหาจากในกูเกิ้ล (ถึงจะจบปริญญาตรี แต่ภาษานอร์ชไม่ได้ (จริงๆ ก็พูดได้นิดนึง) งานที่จะสมัครได้ ก็มีตำแหน่งคนครัวกับแม่บ้านโรงแรมเท่านั้น แต่เราก็พอใจกับงานที่ทำแล้วได้เงินอย่างสุจริต เราไม่เคยดูถูกล่ะ)

          7 มีนาคม 2013  ผ่านไปวันเดียว แต่ก็คิดไปคิดมาลองปริ๊น CV เดิน walk in ไปยื่นที่โรงแรมดีกว่า ไปลองเชิงมา 4 โรงแรม

          11 มีนาคม 2013 เครื่องกำลังร้อน อยากทำงานมากๆ ก็เดินว๊อคอินเข้าร้านอาหารไทย ถามขอสมัครงานแต่คำตอบที่ได้ก็ เต็มแล้ว ไม่รับเคอะ แต่ตอนนั้นเรารู้จักพี่คนนึงที่ทำงานอยู่ แกเพิ่งโทรไปลาออกวันนั้น เราก็เลยไปสมัคร แต่ก็ถูกปฎิเสธแกบอกว่าเต็มแล้ว คงเป็นเพราะเราตัวเล็กมั๊ง เดี๋ยวใช้งานไม่คุ้มกับค่าจ้าง (บอกใบ้ว่า ร้าน B นำหน้า เดากันเอาเอง อิอิ) 

          หลังจากนั้นเราก็เริ่มปลงกับตัวเอง เพราะเราทำเต็มที่แล้ว ในเมื่อไม่มีใครติดต่อมาก็หางานเล็กๆ น้อยๆ ทำก็ได้ เช่น เลี้ยงเด็ก ทำความสะอาด ตามบ้านคนไทยที่รู้จัก มีค่าขนมนิดหน่อย แต่ก็ไม่เข้าท่านัก ก็หยุดไป

          เดือนกรกฎาคม ไม่รู้จะทำงานอะไร ขาดรายได้มากๆ เลยช่วงนี้ พอดีไปขอเว็บไซค์จากพี่ที่รู้จักมาคนนึง เป็นเว็บบอร์ดไว้โพสหางานพวก ทำความสะอาด เลี้ยงเด็ก http://mammanett.no/   ต้องสมัครสมาชิกด้วย.... ได้งานจากเว็บนี้มา 2 เจ้า แต่โพสไว้นานเหมือนกันกว่าจะมีคนติดต่อมา :P สมัครสมาชิกเดือนกรกฎาคม ได้ลูกค้ามาต้นเดือนพฤศจิกายน   (อัพเดท : หลังได้ทำงานโรงแรม เราก็เขียนเพิ่มในเว็บว่า เราทำงานโรงแรมนะ บลาๆๆ ก็มีคนติดต่อมาเพียบ จนต้องลบโปรไฟล์ในเว็บนั้นออก เพราะไม่มีเวลาไปทำ)

          เดือนตุลาคม 2013 เริ่มส่งอีเมลล์ Cv ตัวเองไปตามโรงแรมอีกครั้ง ครั้งนึงก็หลายที่อยู่ แต่คราวนี้เขียนเป็นภาษานอร์ช โดยให้แฟนช่วย และปริ๊น Cv ไปเดินส่งตามโรงแรมใน Oslo ทั่วจนขาลากเลย เพราะบางโรงแรมก็ไม่รับคนวอร์คอิน บ้างก็มีบริษัทคอนแทรคกันอยู่แล้ว บ้างก็บอกส่งมาทางอีเมลล์เท่านั้น และบางโรงแรมก็เคยส่งแล้ว แต่ก็ส่งอีก ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก (แนะนำเทคนิค ต้องหน้าด้าน ห้ามอาย และกล้าพูด)

          เดือนพฤศจิกายน 2013 พอดีเรามีเพื่อนเป็นหัวหน้าอยู่ Rimi ซุปเปอร์มาเก็ต มันบอกว่าให้เราไปติดต่อนาฟ เพื่อเข้าโครงการArbeidspraksis หมายถึง เราทำงานกับมัน แต่นาฟจะเป็นคนจ่ายเงิน ตกวันละประมาณ 300 kr. (คือมันไม่มีงบจ้างพนง.เพิ่ม ได้แต่คนมาขอฝึกงานเท่านั้น มันก็เลยแนะนำเรามา) (นาฟ Nav คือ หน่วยงานช่วยให้คนเป็นคน เอ้ย..ช่วยหางานประมาณนั้น)

          เราจึงไปติดต่อนาฟ เพื่อขอArbeidspraksis เพราะเรามีที่ฝึกงานแล้วคือ Rimi เราแค่จะไปแจ้งมันเพื่อขอกระดาษแค่นั้น นาฟมันไม่ให้ มันถามว่ายังเรียนภาษาอยู่ใช่ไหม.... เราก็บอกใช่... มันบอกไม่อนุมัติ (เพื่อนต่างชาติบางคน มันก็เรียนเหมือนเรา แต่ทำไมมันขอเข้าโครงการนี้ได้ฟ๊ะ ก็ไม่อยากจะเถียง เพราะแต่ละคอมมูเจ้าหน้าที่มันไม่เหมือนกัน ... อุตส่าห์โชว์พูดนอร์ชแบบตะกุกตะกักใส่) :P

          วันถัดไป เรายังไม่ย่อท้อ ชีวิตต้องสู้ค่ะ คราวนี้ไปพูดประโยคใหม่ ขอโครงการ Språkpraksis .... ไม่อนุมัติ.... อะไรว๊ะ!! ตกลงมรึงไม่ช่วยอะไรกรูเลยสักอย่างใช่ไหม มันบอกว่า เธอยังพูดภาษานอร์ชไม่ดีพอ กลับไปเรียนใหม่ กรูอยากจะบอกว่า เพื่อนกรูที่เป็นหัวหน้าอยู่ Rimi อะ มันบอกว่า ไอพนง.ดำ อะพูดนอร์ชฟังนอร์ชไม่ได้เลย ได้แต่ใช้ภาษามือ แบ่ะๆๆๆ อยากถามว่าทำไมมันได้เข้าโครงการว๊ะ ไม่มีความยุติธรรมเลยจริงๆ เสียใจมาก อุตส่าห์แบกหน้าไป แสรดดดดดดดดด

          เดือนพฤศจิกายน เราเป็นสมาชิกกับนาฟ และเราส่ง เมลคอร์ท ทุก 14 วัน หมายถึงการรายงานตัวทุก 14 วัน ว่าเราไม่มีงานทำประมาณนี้ ส่งมาหลายครั้งอยู่กี่รอบไม่รู้จำไม่ได้ ตั้งแต่วันที่เป็นสมาชิกกับมันอะ จนวันนึงมันส่งจดหมายมา ให้ไปเข้าร่วมประชุม มันจะพูดคุยเกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับคู๊ช ก็ไปตามคำเชิญ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2013 ในห้องมีประมาณ 20 คน ก็นั่งฟังประมาณ 30 นาที เสร็จปุ๊ป เค้าก็เรียกเข้าไปคุยทีละคน เราเป็นคนแรกซะด้วย เพราะเจือกนั่งหน้าสุดคนเดียวเลย ก็คุยกับมันโดยพูดนอร์ชแบบปลวกๆ มันบอกว่า เธอพูดนอร์ชห่วยแตกมาก Du er dårlig i norsk. ถามว่าเจ็บไหม? ไม่เจ็บค่ะ พอดีรู้ตัว แล้วก็เลยกลับบ้านแบบเซ็งๆ กรูไปให้เสียเวลาทำไมฟ๊ะ กลับมานั่งแซ๊ดดดด...กับคำพูดของมันอีก และก็เลยฟ้องคุณแฟน แฟนบอกทำไมนาฟพูดแบบนี้  เธอไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย เรียนได้แค่ 5 เดือนจะเอาไรมาก

          3 ชม.ต่อมา มีโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้า พูดอะไรสักอย่าง แต่ได้ยินว่า Rica Hotel ก็เลยฮ๊ะๆๆ อะไรนะ!! Rica Hotel โทรมาให้ไปสัมภาษณ์ด่วนภายใน 1 ชม. ตำแหน่งแม่บ้าน ทำเตียง ทำความสะอาด  โอ้มายก๊อด!! ตาลีตาเหลือก ทำอะไรไม่เถือก เอ้ย..ไม่ถูกเลย ดีใจมากๆ จากที่กำลังรู้สึกแย่เข้าขั้นจิตตก... 

          เราไปถึงโรงแรมภายใน 30 นาที นางบอกเธอมาไวเว่อ ก็คุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ และก็แอบเห็นCv ตัวเองด้วยอะ เป็นปลื้ม เราว่าฟลุ๊คมากๆ อยู่ๆ ก็มีดวงได้งานทำ.....เค้าต้องการคนด่วนๆ และบอกให้เริ่มงานวันรุ่งขึ้นเลย แต่เราไม่ได้เป็นพนง.ประจำนะ เป็นแค่ extra เมื่อยามที่เค้าต้องการคน ก็จะโทรมาให้ไปทำ เราทำงานติดกัน 1 สัปดาห์เต็มๆ แทบเดี้ยง ปวดเมื่อย เหนื่อย เพลีย หมดแรงมากกกก และมีโทรให้ไปทำเรื่อยๆ แต่เราเรียนด้วย ถ้าวันธรรมดาเราไปทำหลังเลิกเรียน เริ่มงาน 12.00 น. 


รายได้พิเศษจากทำงานที่โรงแรม
เก็บสะสมขวดไปหยอดตู้ ไม่ต่ำกว่า 20 ขวด/บางวัน

          งานโรงแรม เป็นงานค่อนข้างหนัก วันละ 7 ชม. (แทบทรุดตอนชม.สุดท้าย) สิ่งที่ต้องทำ คือเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เปลี่ยนปลอกผ้าห่ม 2 ผืน, เปลี่ยนปลอกหมอน 4 ใบ, ดูดฝุ่น, ทำความสะอาดห้องน้ำ : ล้างส้วม เช็ดกระจก ขัดอ่างล้าง ขัดหัวก๊อก ขัดกระจกตู้อาบน้ำ ต้องขัดให้เงา , เติมทิชชู่, เติมสบู่, ผ้าเช็ดตัว 2 ผืนใหญ่, ผ้าขนหนูเล็ก 2 ผืน, ผ้าเช็ดเท้า, ถูพื้นห้องน้ำ, เก็บขยะ 2 ที่, เช็ดชั้นทีวี, เช็ดหลอดโคมไฟ, เช็ดภาพผนัง, เติมแก้วธรรมดา แก้วไวน์, เช็คสมุด ปากกา เช็คขนม เครื่องดื่ม ประมาณนั้น 

          แต่เราไม่ได้ทำงาน 7 ชม. ทุกวัน 7 ชม.เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดา ทำงานหลังเลิกเรียน 3-6 ชม. แล้วแต่เค้าจะบอก


ภาพซ้าย คือรถเข็นที่เอาไปไว้ใส่ ปลอกหมอน ผ้าปู ผ้าห่ม ที่ใช้แล้ว เมื่อเลิกงานก็ต้องลากลงไปเก็บ ยก แบก แล้วแต่วัน

ภาพขวา รถเข็นหลัก ที่เปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์หลายอย่าง ชั้นบนสุดที่รกๆ ประกอบไปด้วย ปากกา สมุดโรงแรม แก้วธรรมดา แก้วไวน์ แก้วกาแฟ สบู่ ซองชากาแฟ ครีม ที่คลุมหัวอาบน้ำ แชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ แบบเล็ก แบบใหญ่ กระดาษทิชชู่แบบม้วน แบบกล่อง.... (ต้องเติมรถเข็นทุกวัน ถ้าหยิบใช้อะไรไป เมื่อเต็มแล้วก็ลากเข้าห้องเก็บ แต่รถเข็นไม่ได้มีทุกชั้น เฉพาะชั้น 2,3,4 แต่รวมแล้วมี 7 ชั้น บางวันต้องทำชั้น 5 ก็ต้องไ)

          แต่...รถเข็น เราต้องไปลากมา มันหนักมากกก....
เนื่องจากเราเป็นคนตัวเล็ก สูง 150 หนัก 38 กก. ลากมาจากห้องเก็บอุปกรณ์มาไว้ตรงทางเดิน และเมื่อเราใช้พวกปลอกหมอน ผ้าปู บลาๆๆๆ เราต้องลงไปชั้นใต้ดินไปเติมของให้เต็มรถเข็นก่อนกลับบ้าน ไหนจะขยะถุงดำ ก็ต้องลากไปทิ้งด้วย ยังๆๆๆ ไม่หมด ยังมีถุงผ้าใหญ่ๆ ที่เราใส่พวกปลอกหมอน ผ้าปู ผ้าห่ม ที่ใช้แล้วลากลงไปที่เก็บ 

          คือทำงานโรงแรมมันละเอียดมาก เพราะมันมีอะไรยิบย่อยให้ทำเยอะ เปรียบเทียบกับการเล่นของเล่น คือ เอาของเล่นมาเล่น รื้อๆๆ แล้วก็ต้องเก็บ ประมาณนั้นค่ะ

ตู้หย่อนขวด หน้าตาแบบนี้
แล้วมันจะมีใบเสร็จคำนวณเงินให้

          การทำงาน ถ้าเค้าให้ทำ 20 ห้องต่อ 7 ชั่วโมง ก็ต้องทำให้เสร็จ ถ้าทำไม่เสร็จ คุณก็เลิกงานเลทเท่านั้นเอง มันเป็นความผิดของคุณที่ช้า และเราก็ประจำเลยได้กลับบ้านหลังชาวบ้านตลอด แต่รายได้ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย ทำงานวันละ 7 ชม. ตกประมาณ 5,159 บาท (ก่อนหักภาษี) หายเหนื่อยเลย และอีกอย่างนึง เราดีใจมากที่ได้เข้าระบบการจ่ายภาษี หลายคนเกลียดการจ่ายภาษี แต่เราชอบและก็ยอมรับกับเรื่องนี้อย่างเต็มใจว่าแม้ว่าภาษีจะแพงก็เถอะ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรกระทำเมื่ออยู่ที่นี่


หน้าตาของใบเสร็จ เอาไปแลกเป็นเงิน
หรือเอาไปเป็นส่วนลดซื้อของก็ได้ 
บางวันก็ได้ 50 โครน ;)

          1 ปีเต็มๆ พอดีกับการอยู่นอร์เวย์ วกกลับมาเดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง แต่เป็นปี 2013 และมีงานทำกับเค้าสักที ก่อนหน้านี้ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ ทั้งเศร้า ทั้งเสียใจ เกือบจะร้องไห้ ก็มีเพราะอยากจะมีงานทำ อยากมีเงินเป็นของตัวเอง อยากทำตัวให้มีประโยชน์ อยากเข้าระบบประเทศเค้า ตอนนี้ได้งานมาแล้ว จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน ท่องไว้ เกิดเป็นคน ต้องอดทน สู้เว๊ย..... เรียนด้วย ทำงานด้วย (เพราะยังมีอีกหลายคนที่ต้องการหางานทำ ณ บ้านนี้เมืองนี้ยังมีการแข่งขันกันอีกเยอะ)

          มีอีกเรื่องนึงที่น่าภูมิใจ คนที่โรงแรมรู้ว่าเราเป็นคนไทย เค้าก็ชมกันใหญ่ว่า คนไทยอะขยัน ทำงานเก่ง พวกเค้าชอบกัน ชมจนแทบจะลอยเลย คือก่อนหน้านี้เคยมีคนไทยทำงานที่นี่ประมาณ 4 คน และแต่ละคนก็ดีทั้งนั้น ไม่มีใครทำเสียเลย คนที่นี่ก็เลยจำภาพพจน์สิ่งดีๆ ของคนไทย และพอเค้าเห็น Cv คนไทยมาสมัครมันก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายนิดนึงที่เค้าจะคัดเลือกให้ทำงานในระดับต้นๆ  แต่ก็นะภูมิใจมาก ที่เค้าชอบคนไทย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยล่ะ

update 11 dec.13
          ได้เงินเดือนมาแล้ว 1 เดือนค่าาา...เดือน november ทำงานช่วงใกล้จะสิ้นเดือนพอดี ได้ทำงาน 35 ชม. คิดเป็นเงินประมาณ 5,100 kr. แค่นี้ก็ดีใจแล้ว แต่่เดือนหน้าได้เยอะกว่าเดิมแน่ แต่ตอนนี้ปัญหาค่ะ แพ้ไปหมดทุกอย่างเลย ผื่นแดงขึ้นทั้งมือทั้งแขน ขนาดใส่ถุงมือทำงาน ก็ยังแพ้ถุงมืออีก จะบ้าตาย ไหนจะปวดเมื่อย แต่ปวดเมื่อยก็ไม่คิดไรมาก ถือว่าได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวก็อยู่ตัวไปเอง เราว่าทำงานที่นี่ก็มีความสุขดีนะ ถ้าไม่มีอิดำที่เป็นผู้ช่วย แกกดดันเรามากๆ ขณะทำงาน แวะมาบ่นตลอดทุกชั่วโมง ว่า "ทำให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ ถ้าเธอทำงานแบบนี้ เธอคงต้องนอนที่นี่ล่ะ" พูดแบบนี้ประมาณพันรอบ แต่เราก็โอเคๆ ตลอดไม่คอยพูดอะไรกลับ พอมากเข้า เราก็เลยบอกว่า เราไม่รีบ เรานอนที่นี่ได้ เราไม่ได้กังวลไรนี่ เธอกลับไปก่อนไป แล้วเราก็เริ่มทำน่าซีเรียสกลับ (กรูเพิ่งทำงานได้ไม่ทันไร จะให้เร็วๆๆๆ ได้ไงวะ!! บ่นยังกับเป็นแม่กรู แถมปากเหม็นแล้วยังชอบมาพูดใกล้ๆ อีก)
          เราว่าที่เค้าชอบคนไทยเพราะคนไทยมีความอดทนมาก ไม่บ่น โอเคๆ ตลอดและไม่เถียง และถ้าไม่พอใจอะไรก็จะเก็บไว้ในใจ ถ้ามันไม่สาแก่ใจจริงๆ ก็จะไม่พูดออกมา เราปวดเมื่อย แพ้น้ำยา ผื่นขึ้นคันแง็กๆ เรายังไม่เคยปริปากบอกหัวหน้าสักคำ ส่วนคนอื่นเหรอ โอ๊ย ปวดโน่นนี่ ทำงานไม่ได้ ต้องหยุดงาน เรายอมรับในความอดทนของคนไทยมากที่สุดในโลกล่ะ แต่ช่วงนี้โคตรเหนื่อยเลย ทำงาน พฤ, ศ หลังเลิกเรียน 12.00-18.00 ส่วน ส, อา ทำงาน 7 ชม. แล้วต้องไปเรียนวันจันทร์แต่เช้าอีก บางทีก็เหนื่อยแทบอยากจะท้อเลยนะ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่า กว่าจะหางานได้มันยาก ในเมื่อมีงานแล้วก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด ยังมีอีกหลายคนที่นี่ตกงาน สู้ค่ะ สู้ๆๆๆๆๆๆ



update 18 sep.14
          ช่วงซัมเมอร์เดือน กค. สค. เป็นคนไม่มีงานทำเลยค่าาาา ช่วงหน้าร้อนโรงแรมในเมืองเงียบ ก็ไม่ได้ทำงานและก็เป็นช่วงเราไปพักร้อนที่ญี่ปุ่นพอดีด้วย กลับมาได้ทำงาน 3 วัน เดือนสค. (3 พันโครน = หมื่นห้า น้อยมาก) พอเดือนกย. เริ่มมีงานเข้าแต่ก็ยังไม่เยอะ เพราะที่โรงแรมมีพนง.เยอะมาก พนง.ตัวจริง พนง.สำรอง พนง.เอ็กตร้า และตอนนี้เรามีเวลาว่างเยอะขึ้น เพราะย้ายเวลาเรียนภาษาไปเป็นตอนค่ำ 17.30-20.50 เรียนสองวันต่อสัปดาห์ กะว่าจะรับงานมากขึ้น แต่งานก็ไม่ค่อยมี.... ตอนนี้ดีหน่อยที่โรงแรม เงินรายชั่วโมงขึ้น ชม.ละ 147 เป็น 152 kr. ทำวันอาทิตย์ก็ได้เพิ่มอีก ชม.ละ 20 kr.

          ช่วงนี้งานไม่ค่อยมี เราเลยกลับไปติดต่อนาฟอีกครั้ง เราอยากจะพัฒนาตัวเองเพื่อให้ได้มีโอกาสได้คู๊ช เผื่อได้ไต่เต้าไปทำงานตามที่เรียนมาหรือไม่ก็ตามที่มีปสก.มาจากไทย ตอนนี้ได้ไปสอบทดสอบภาษา และนัดคุยว่าเราอยากทำงานประเภทไหน และจนท.ก็ดูเรื่องคู๊ชให้....เราคิดว่า เราไม่อยากทำงานโรงแรมไปจนแก่ เราอยากจะทำอะไรที่มันดีกว่านี้ จริงๆ งานโรงแรมมันก็ดีบางอย่าง เช่น ทำงานหนัก ก็คิดว่าได้ออกกำลังกาย, ได้เก็บขวดไปแลกเงิน, ได้ทิปบ้าง ได้สกุลเงินหลายประเทศเลย แต่ได้ทิปเยอะสุดก็ 100 kr. โคตรดีใจอะ แต่ทำงานนี้เหมือนไม่ได้พัฒนาตัวเอง แค่ย่ำอยู่กับที่....ทำงานโรงแรมเงินเยอะกว่าคนทำงานบานาฮาเก้นหน่อยนึง มีเพื่อนทำอยู่ได้ชั่วโมงละ 150 kr. ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก

update 02 des.14

          วันก่อนไปทำงานได้เบียกลับบ้าน 4 ขวด อีก 1 กระป๋อง, ไวน์แดงใหม่ๆ เลย 1 ขวด, และน้ำแฟนต้า ขนม ลูกค้าขี้เกียจแบกกลับไป แกก็วางไว้ในห้อง เราก็หิ้วกลับบ้านเลยอิอิ

update 30 mai.15
          จะไม่ทำงานกับที่ทำงานแล้ว แต่บอกในแนวอ้อมๆ เราบอกว่าเราต้องไปเรียนคูซ ไม่มีเวลาทำ ให้นางหาคนอื่นมาทำแทน และอีกเรื่องที่น่าดีใจคือ หัวหน้า เสนอให้ทำงาน 50% แต่เราไม่ทำฮาๆๆ 

          มีหลายอย่างที่ทนไม่ไหวแล้วกับที่นี่ เช่น เงินเดือนไม่เข้า พอทวงไปแกก็บอกว่าลืม เดือนต่อไปไม่ได้อีก พอทวง แกก็บอกว่า ฝ่ายจ่ายเงินลืมจ่าย พออีกเดือนบอกเราไม่ได้อยู่ในระบบ งวดนั้นเลทไปสามเดือน คิดดู แล้วไม่ใช่แค่นั้น ได้เงินไม่ครบบ่อยมาก, ไม่มีเอกสารชี้แจงว่า จ่ายเท่าไหร่ กี่ชม. หักอะไรบ้าง อย่างนี้มันโกงเราง่ายเลยเพื่อนร่วมงาน สับโขกเหลือเกิน โชว์พาวคนแอฟริกาตัวบึ๊กๆ และหัวหน้างี่เง่า 

          จะเล่าให้ฟัง วันก่อน เราประชุมกันอยู่ ด้านล่างเป็นที่กินอาหารเช้า แล้วบางทีคนก็ลงมาเข้าห้องน้ำ มีทางขึ้นลง สองฝั่ง ฝั่งในที่เราประชุม กับอีกฝั่งด้านนอก มีลูกค้า คนนึงเพิ่งออกจากห้องน้ำ แกจะเดินเข้ามาขึ้นบันไดฝั่งที่เราประชุม ยัยหัวหน้า พูด ''นี่ๆๆ เธอ'' แล้วชี้นิ้ว ขึ้นบันไดนู้นเลย....เรานี่อึ้งนิดนึง คือ หัวเน่าพูดจากับการกระทำต่อลูกค้าแย่มาก ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นขึ้นบันได นางโชว์นิ้วกลางให้!! พวกเราเห็นกัน แต่หัวเน่าไม่เห็น เพราะนางหันหลัง เราๆ ก็บอกหัวเน่าว่า เธอ เค้าให้นิ้วกลางเธออะ หัวเน่าก็ อึ้งๆ แต่นางก็ทำขำกลบๆ ไป 

          และอีกบางทีเราไม่มีงานทำเลยบางเดือน บ้างมีงานทำ วันสองวัน พอนางต้องการเรานะ โทรมาพูดจาดีแทบจะกราบ.....อันนี้แค่ยกตัวอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง ตอนนี้โรงแรมเปลี่ยนชื่อแล้วจาก RicaG20 เป็น HTL Hotel Grensen เผื่อใครไม่รู้จัก อยู่ตรงสถานี Stortinget อะ

          ตอนนี้เราได้คอร์สเรียนชื่อ Kontorarbeid กว่าจะได้สอบสัมภาษณ์ตั้งสองครั้ง โชว์พาวไปเยอะรอบสอง ก็เราจะเรียนจบตอนเดือนมกราคมปี 2016 เราก็เลือกที่จะเรียนเพื่อมีอนาคตที่ดีกว่างานแม่บ้านโรงแรมดีกว่า และกับหัวหน้าปลวกๆ ไม่ไหวอะ  ลาก่อน ยัยหัวเน่าห่วยแตก


บทความเชื่อมโยง

บทความแนะนำ โดย All about Norway
คลิกที่ลิ๊งด้านล่างได้เลยจ้า

การเรียนภาษา

การหางาน และ นาฟ

วีซ่า

ความรู้ทั่วไป

รีวิว ที่เที่ยวใน Oslo

fredag 15. november 2013

ข้อดี-ข้อเสีย การอยู่ต่างประเทศ

          การใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ฟังดูเหมือนจะง่าย จะมีอะไรล่ะวันๆ ก็แค่อยู่ กิน นอน ใช้ชีวิต ก็น่าจะเหมือนประเทศไทยใช่มั๊ย? ไม่ค่ะ คิดผิดเลย การใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกจริงๆ แล้วนั้นยากลำบากมาก คุณรู้มั๊ยว่าพวกเค้าต้องเผชิญอะไรบ้าง อากาศหนาว, สุขภาพ, ของแพง, อาหาร, ภาษา, ความเหงา, เพื่อน, ครอบครัว, งาน, คนดูถูก, คนนิสัยไม่ดี,  สามีไม่เข้าใจ.... 
  
          (บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับคนที่กำลังสับสนว่าจะอยู่เมืองไทยหรือย้ายไปอยู่ต่างประเทศดี เราเขียนในมุมมองกว้างๆ เพราะเราได้ยินมาเยอะหลายคนอยู่ไม่ได้ แอบร้องไห้ เพราะอยากกลับไทย เราไม่ได้ขู่ แต่เขียนให้คิดในมุมกว้างๆ ส่วนตัวเรามีความสุขและแฮ๊ปปี้ชอบชีวิตเมืองนอกมากกว่าไทย 100 เท่า) 

          อากาศหนาว แรกๆ ก็เย็นสบายดีล่ะ พอเวลาผ่านไปสักปีแล้วจะรู้สึกว่า เฮ้อ..ต้องหนาวอีกแล้วเหรอนี่  ทรมานจริงๆ แถมหนาวนานอีกต่างหาก 10 เดือนแน่ะ... ไหนหิมะจะทำถนนเป็นน้ำแข็ง เดินก็ลำบาก ลื่นล้มเป็นว่าเล่น จะเดินใกล้ๆ อาคารก็ต้องระวังก้อนน้ำแข็งจะร่วงหล่นลงมาใส่หัวตาย จะขับรถก็อันตรายพื้นลถนนลื่น , ไหนผิวจะแห้งเป็นเกร็ดอีก คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่ไม่ชอบฤดูหนาวและหิมะมากๆ พวกเค้าแพลนจะไปแก่อยู่เมืองไทยกันทั้งนั้น ทั้งอุ่น อร่อยและถูก

          วิธีแก้ ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ที่อบอุ่น, พื้นลื่นก็ซื้อที่กันลื่นมาสวมให้รองเท้า, หลีกเลี่ยงการเดินใต้อาคาร , ผิวแห้งก็พอกครีมเยอะๆ



          สุขภาพ อยู่เมืองไทยแดดแรงดีจริงๆ รับวิตามินD ทุกวันจนตัวดำ พอมาอยู่ต่างประเทศตัวขาวผ่องเชียว แต่ร่างกายออดๆ แอดๆ เพราะอากาศแตกต่างจากไทย ไม่สบายได้บ่อยๆ จะหาหมอก็ลำบาก ยาก็ซื้อยาก ต้องมีใบแพทย์สั่งเท่านั้น บางครั้งอาจจะต้องจวนจะตายก่อน หมอถึงจะตรวจ-รักษาให้ (โดยเฉพาะนอร์เวย์ ประเทศอื่นไม่แน่ใจค่ะ) 

          วิธีแก้ ซื้อวิตามิน D, C, น้ำมันตับปลามากินด้วย ส่วนยาก็หิ้วมาจากไทยโหลดใต้เครื่องมาโลด เสื้อผ้าก็ใส่ให้อุ่นๆ และดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ อย่าให้ป่วยบ่อยมันจะลำบาก



          สินค้าราคาแพง ถ้าคุณมาอยู่ตปท. คุณจะคิดถึงประเทศไทยขึ้นมาทันทีในเรื่องนี้มากที่สุด อยู่ตปท. จะควักเงินซื้อของแต่ละอย่าง นั่งคำนวณแล้วคำนวณอีก คิดเป็นเงินไทยก็เสียดายเงิน เช่น มะละกอเมืองไทยลูกละ 10 บาท ตปท.ลูกละ 200 กว่าบาท กินไปแทบจะร้องไห้ไปเลยทีเดียว ประเทศไทยมีทุกอย่างที่อยากได้ ของแบรนด์ของก๊อปก็มีหลายเกรด ราคาก็ถูก

          วิธีแก้ ซื้อของ ห้ามคำนวณเป็นเงินไทย หรือไม่ก็อดใจ กลับไปกินที่ไทยแทน 


จากร้านอาหารจีน รสชาติไม่ผ่าน :(

          อาหาร ร้านขายของชำที่ต่างประเทศเรียกว่าร้านเอเชีย มีของกินมากมาย เช่น มาม่า ผักสด ปลาร้าขวด อาหารซีฟู๊ดแช่แข็ง ขนมตาล ข้าวต้มมัด ล้วนแต่เป็นของแช่แข็ง ถ้าอยากจะกิน mk, kfc, สเวนเซ่น, ไข่ปลาหมึกทอด, ชานมไข่มุขแบบมิสเตอร์เชค, เครป, ขนมโตเกียว ฯลฯ อีกมากมาย ที่หาซื้อไม่ได้จากร้านเอเชียช้อป ก็ต้องอดทนต่อไป หรืออยากจะเข้าร้านอาหารไทยก็แพงราคาตกมื้อละประมาณ 1,000 บาท

          วิธีแก้ ฝึกทำอาหารจากอินเตอร์เน็ต ทำไม่เป็นก็ต้องหัดทำ เพราะถ้าไม่ทำ ก็อดตาย :P


หนังสือที่นี่ราคาแพงมากๆ (แพงทุกอย่างอะ)

          ภาษา ถ้าไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าต้องไปประเทศที่ใช้ภาษาที่สามล่ะ เท่ากับต้องเริ่มนับ0 ท่อง ABC ใหม่กันเลยทีเดียว ต้องไปเริ่มเรียนภาษาใหม่เสียเวลาเป็นปีๆ ถึงจะพูดสนทนาเป็นเรื่องเป็นราวได้ ไหนจะต้องอดทนอ่านหนังสือ ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน ต้องเจอคนต่างชาติมากมาย บ้างดี บ้างแย่ปะปนกันไป ก็ถือเป็นประสบการณ์เสี่ยงโชค เผื่อเจอคนไทยด้วย คนไทยด้วยกันก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป พวกดราม่า พวกขี้อวด พวกคิดว่าตัวเองมาอยู่เมืองนอกแล้วสูงส่ง จนลืมกำพืดตัวเองว่ามาจากไหนมีเยอะแยะ 

          วิธีแก้ ตั้งใจเรียนภาษาทั้งในห้องเรียน และที่บ้าน พยายามพูดภาษานั้นบ่อยๆ กับแฟน กับเพื่อน และถ้าเจอพวกอีโก้สูง ก็ถอยให้ห่างจากมัน อย่าไปคบให้เสียเวลา



          ความเหงา หลายคนอาจจะคิดถึงครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ที่มีมากมายอยู่เมืองไทย บางคนมานอร์เวย์ได้ 3 วัน ร้องไห้จะกลับไทย ป๊าดด.... กว่าจะมาได้นั้นแสนยากลำบาก อยู่มาได้แค่นี้ร้องจะกลับ บอกว่าเหงา เบื่อ ไม่มีอะไรทำ เราว่ามีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ แต่เค้าไม่ทำเองต่างหาก ก็แซด..ต่อไปช่วยไม่ได้อะ

          วิธีแก้  สมัยนี้มันก็ไม่ยากสำหรับการติดต่อสื่อสาร เช่น Facebook , Skype , Line , Viber , Tango  เป็นต้น ไม่ก็หาเพื่อนใหม่ที่ต่างประเทศซะเลยง่ายดี จะได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กว้างขึ้นด้วย  หรือถ้าอยากจะดูละครทีวีไทย ก็ดูได้ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ไม่อยากเลยอันนี้ 



          งาน อยู่เมืองไทยมีงานดีๆ ทำ แต่ต้องตัดสินใจลาออกจากเพื่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าคุณมีภาษาดี มีใบผ่านงานจากไทยมาดี มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 2 ปี อันนี้ไม่ยากกับการหางานค่ะ แต่ถ้า....ภาษาไม่ได้ แล้วต้องใช้ภาษาที่สามอีก จะไปทำอะไรดีล่ะ จบข่าวเลย ก็อาจจะเริ่มต้นจากงานทำความสะอาดก่อน ไม่ว่าคุณจะเรียนจบระดับไหนมาก็ตาม ตรี โท เอก ภาษาไม่ได้ก็ต้องเริ่มต้นด้วยงานแบบนี้เท่ากันหมด แต่อยากบอกว่า งานทำความสะอาดรายได้ดีนะคะ อย่าดูถูกเชียว

          วิธีแก้ พยายามมีเพื่อน หรือมีคนรู้จักไว้เยอะๆ ถ้าคุณโชคดี พวกเค้าจะชักจูงคุณเผื่อได้งานในยามที่เค้าขาดคน และถ้าคุณได้ภาษาอังกฤษดีก็ยิงดี เพราะบางบริษัทพูดภาษาอังกฤษกัน เช่น งานวิศวกรน้ำมันเพราะมีคนต่างชาติทำงานน้ำมันเยอะ แต่คุณต้องจบสายที่เค้าต้องการด้วยนะ เงินโคตรดีอะ



          คนดูถูก - แต่ละประเทศ ย่อมมีพวกอีเดียทอยู่มากมายที่ชอบดูถูกผู้หญิงไทย ว่าไม่ชอบทำงาน ชอบเกาะสามีกิน อยู่บ้านเลี้ยงแต่ลูก วันๆ ไม่ทำอะไร หรือกล่าวหาว่าเป็นสาวบริการแม้ว่าคุณเดินอยู่ที่สาธารณทั่วไป อาจจะถามราคาเท่าไหร่ด้วยซ้ำ เป็นต้น คุณก็ต้องทำใจ....

          วิธีแก้ ทำหูทวนลม และบอกขอบคุณค่ะ ไม่ก็ด่ามันเป็นไทยก็ได้ จะได้สะใจเราดี

          คนนิสัยไม่ดี - ก็มีไปทั่วทุกที บางครั้งหลายคนอาจคิดว่า อยากหนีจากเมืองไทยมาอยู่ตปท. เพราะเมืองไทยมีคนเห็นแก่ตัวเยอะ ขี้นินทา นิสัยไม่ดี ดราม่า บลาๆๆ ....ตปท.ก็มีเหมือนกันนะเออ ส่วนใหญ่ที่เราเจอนี่จะเป็นคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นี่ ปากีฯ,โรมาเนีย พวกลี้ภัยมาฯลฯ เช่น แย่งที่นั่งในโรงอาหาร ถึงแม้เราจะเอากระเป๋าจอง , แย่งขึ้นรถสาธารณทุกประเภท , แย่งซื้อของ เป็นต้น คนเอเชียก็ใช่ย่อยนะ  
          คนนอร์เวย์ก็มี ยกตัวอย่างเด็กวัยรุ่น เรานั่งรถไฟฟ้า มันนั่งตรงข้ามเลย แม่ม...ยกเท้ามาพาดข้างที่เรานั่ง ข้างแบบแนบติดอะ เป็นต้น

          วิธีแก้ จากปสก. เรากำลังเดินขึ้นรถเมล์ แต่มีชาวต่างชาติดันหลังเรา ประมาณว่า เร็วๆ หน่อยสิ แต่คนมันเยอะจะให้เร็วก็ไม่ได้หรอก ครั้งแรกแค่หันไปมองหน้าพอ และนางก็ยังทำสันดานนั้นอีก เราก็เลยกระทุ้งศอกกลับไปอย่างแรงด้วยความโมโห และนางก็หายไปเลย สะใจ จำหน้ามันไม่ได้ด้วย (ใครดีกับเราเราก็ดีด้วย ถ้าใครร้ายมาต้องร้ายกลับ จะได้สมน้ำสมเนื้อกัน)


อิสามีไม่เข้าใจ ก็จัดการสั่งสอนเลยค่ะ ^0^

          สามีไม่เข้าใจ  ทุกครอบครัว มันต้องมีสักครั้งน่ะที่สามีไม่เข้าใจตัวเรา ซึ่งเราพยายามจะอธิบายให้เค้าฟังแล้ว แต่มันก็ไม่เท่ากับพูดภาษาไทยกับไทยด้วยกัน มันจะเข้าใจกันมากกว่า บางครั้งการพูดคุยกันไม่เคลียก็ทำให้เข้าใจผิดกันได้ ความไม่เข้าใจกัน จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ บางคู่ถึงกับเลิกกันเลยก็มี แบบประมาณว่า 

               ผู้หญิง: "ชั๊นจะกลับไทย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า พร้อมกับจะเดินออกจากบ้าน"
               ผู้ชาย: "อือ จะไปก็ไปสิ"

          ส่วนใหญ่ไม่ง้อนะคะ คนต่างชาตินี่ เพราะคุณบอกเองว่าจะไป เค้าก็ปล่อยให้คุณไป บางครั้งอย่าเอานิสัยขี้งอลแบบไทยๆ มาใช้ คนต่างชาติเค้าไม่เข้าใจด้วยหรอก ว่าคุณประชด และอยากให้เค้าง้อ จะทำอะไรต้องคิดก่อนทำ ก่อนที่ผลเสียมันจะกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณอยากกลับไทยจริงๆ ก็ตามสบายค่ะ 

          วิธีแก้ การจับเข่าคุยกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่พอใจอะไรก็พูดกันไปตรงๆ นี่คือนิสัยส่วนใหญ่ของคนต่างชาติ และจะทำอะไรก็ต้องมีสติ ให้อภัยซึ่งกันและกัน อะไรยอมได้ก็ยอม ท่องไว้ ช่างมันเถอะ ปล่อยวางเยอะๆ และอย่าลืม พูดอะไรปากกับใจต้องตรงกันด้วย



          คุณภาพชีวิต  สำหรับเรา เราว่าคุณภาพชีวิตต่างประเทศดีกว่าไทยเยอะค่ะ ที่นี่ก็มีโจรนะ แต่ไม่เยอะเหมือนไทย ไม่บ่อยเท่า และชีวิตปลอดภัยกว่าไทยเย๊อะ!! ยิ่งถ้ามีลูกโตที่นี่นะ ดีมากๆ นอร์เวย์ให้ความสำคัญต่อเด็กที่สุด และเด็กที่โตมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีด้วย รัฐซับพอร์ตในหลายๆ เรื่อง

          หลายคนทำงานหนักงกๆ ใช้จ่ายประหยัดในแต่ละเดือน และกลับไทยไปเป็นคุณนายทุกปี ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องจริง หลายคนทำแบบนี้กันทั้งนั้น และทุกคนก็แพลนกันว่า ถ้าแก่เกษียณเมื่อไหร่ ก็จะกลับไปใช้ชีวิตที่ไทย และรับเงินเกษียณจากนอร์เวย์ โห...ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าจะสุขสบายขนาดไหน :D (ทุกอาชีพที่นอร์เวย์เมื่อเกษียณแล้วได้เงินทุกเดือน เพราะเค้าเสียภาษีกันเยอะ และจ่ายมานมนาน)

          มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศอื่น  เมื่อได้มาอยู่ต่างประเทศแล้ว ยิ่งอยู่นอร์เวย์นี่ มีงานทำ เก็บเงิน ไปเที่ยวประเทศไหนก็ให้ความรู้สึกราคาถูกไปหมด และหลายคนที่อยู่นอร์เวย์ นิยมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ไปหาความอบอุ่น เช่น สเปน ไทย ฯลฯ

          ประสบการณ์  แปลกๆ ใหม่ๆ ให้เราได้เรียนรู้มากมายเมื่อมาอยู่ตปท. แต่ละอย่างแตกต่างจากไทยราวฟ้าดิน เช่น ซุปเปอร์มาเก็ต ไม่มีคนเอาของใส่ถุงให้เวลาจ่ายเงิน ต้องใส่เอง , ขยะ ต้องแยกขยะก่อนจะทิ้ง , เวลาข้ามถนน รถหยุดให้ , ลูกค้าคือสำคัญยิ่งชีพ เป็นต้น



          รถติดไหมที่ตปท.? ที่นอร์เวย์ส่วนมากจะติดช่วงเย็นค่ะ นิดหน่อยไม่หนักเหมือนไทย หรือจะเป็นช่วงวันศุกร์ ถนนที่จะออกไปมณฑลอื่นจะติดค่ะ

          "อยู่ต่างประเทศกับอยู่ประเทศไทย อยู่ที่ไหนดีกว่ากัน" จากที่เขียนและอ่านวนไปวนมา ก็เริ่มลังเลว่าที่ไหนมันดีกว่ากันแน่ :D แล้วแต่คนชอบดีกว่า (ส่วนตัวเราชอบอยู่ตปท.มากกว่า ชอบอากาศหนาว ชอบชีวิตความเป็นอยู่ แต่บางครั้งก็อยากกลับไทย ไปกินของอร่อยๆ และช้อปปิ้งของถูกๆ ) อยู่ตปท. ก็ดี สภาพชีวิตจิตใจแจ่มใส่ดี อากาศดี ไม่ต้องเครียดเรื่องการเมืองไทย ปล้นจี้ ฆ่า ข่มขืน มีบ่อยเป็นว่าเล่นจนถือว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน 

          ถ้าอยู่ตปท.แล้วมีงานทำก็ดีเข้าไปอีก แต่ก็ยากนะงานหาไม่ได้ง่ายๆ และใช่ว่าทุกคนที่อยู่ตปท.จะมีงานทำ คนตกงานมีเยอะ คนประเทศเค้าแท้ๆ ยังตกงานกันเลย แล้วอยากบอกว่า ถ้าคุณมีงานทำ คุณต้องจ่ายภาษีแพงมาก(นอร์เวย์) ประมาณ 30 กว่า% ของเงินเดือน มหาโหดแทบจะกระอักเลือดเลย คุณทำงานเหนื่อยแทบตาย ต้องจ่ายภาษีให้ประเทศ หลายคนเลือกที่จะอยู่บ้านเฉยๆ เป็นชาวเกาะก็มี  แต่เข้าใจหลายคนอยากมาอยู่ตปท. ฝันจะมาขุดทอง แต่ถ้ามาแล้วได้ดีก็ดีล่ะดีใจด้วย แต่ถ้าแย่กว่าเดิมก็ตัวใครตัวมันล่ะค๊าาาา 



          แต่....ถ้าคุณสามารถปรับตัวได้ในหลายๆ เรื่องที่กล่าวข้างต้น นั่นจะเป็นผลดีกับคุณมาก คุณจะอยู่ได้อย่างมีความสุข หลายๆ คนที่รู้จัก เศร้าโศก เสียใจ ร้องไห้ มาก็นัก เพราะด้วยปัญหาหลายอย่าง เครียดหางานทำไม่ได้ , ภาษายากเกินไป , อากากาศหนาวเกินจะรับมือ เป็นต้น แต่ถ้าใจอยากมาอยู่ต่างประเทศ พยายามทำตัวเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีดีที่สุด อย่าทำตัวเรื่องมากโน่นนี่ เพราะที่นี่มันไม่เหมือนอย่างประเทศไทยค่่ะ

          บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับคนที่กำลังสับสนว่าจะอยู่เมืองไทยหรือย้ายไปอยู่ต่างประเทศดี บางคนต้องย้ายมาเพราะตามสามี แต่ก็สับสนอยู่เพราะตัวเองมีงานทำอยู่เมืองไทยรายได้ดี มีตำแหน่งดี ก็ไม่รู้จะทำยังไง บทความนี้อาจช่วยในการตัดสินใจได้บ้าง หรือไม่อาจจะช่วยให้ลำบากใจขึ้น ^_^ (โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจแล้วกันค่ะ)


บทความแนะนำ โดย All about Norway
คลิกที่ลิ๊งด้านล่างได้เลยจ้า 

การเรียนภาษา

การหางาน และ นาฟ

วีซ่า

ความรู้ทั่วไป

รีวิว ที่เที่ยวใน Oslo

lørdag 9. november 2013

Oslo ร้านขนมหวาน - Yummy Heaven

          มีร้าน Candy Shop (Yummy Heaven) มาเปิดใหม่ ในห้าง Arkaden ไม่ไกลจากห้าง Oslo city หาง่ายมากๆ และคาดว่าจะใหญ่สุดใน Oslo ด้วย พวกขนมแคนดี้ เป็นที่นิยมของคนที่นี่มาก ทุกอายุไม่ว่าจะ เด็ก ผู้ใหญ่ แก่ ก็ชอบกิน .... ส่วนร้านก็มีแต่ของ น่ากิน น่ารัก น่าเล่น ทั้งนั้น ร้านก็แบบสีสันคิกขุ ราคาก็ไม่ค่อยแพงนักด้วย เหมาะกับซื้อเป็นของขวัญของฝากให้เพื่อนได้เลยล่ะ 

















ร้าน Candy Shop อยู่ในห้างนี้จ้า



fredag 1. november 2013

Autumn in Oslo

 Vigeland park (Frognerparken)

          เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว อากาศกำลังจะติดลบ บ๊ายบายฤดูใบไม้ร่วง มาระลึกถึงตอนช่วงใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีกันสักหน่อย เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 อาทิตย์ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีแดง สวยมากๆ และได้อารมณ์ความรู้สึกโรแมนติกสุดๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบไม้ก็ร่วงเร็วแบบน่าใจหาย เนื่องจากมีฝนและลมแรง ..... แต่อย่างน้อยก็ยังมีความทรงจำสวยๆ เก็บไว้ดูเล่นเพลินๆ อิอิ :D








Vigeland park (Frognerparken)

 Around my home
Around my home
 Around my home
 Around my home


 Sognsvann in Oslo

Sognsvann in Oslo

Sognsvann in Oslo


Bye Bye Autumn ^_^